เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๙ ก.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมๆ นะ ฟังธรรม สัจธรรม สัจธรรมคืออริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นิโรธ โรธะ การดับทุกข์ มันดับหมดนะ ความดับทุกข์ๆ มันเกิดมาจากไหน ดับทุกข์เกิดมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมด้วยอะไร ด้วยมรรคญาณ ด้วยญาณวิถีในหัวใจ ไม่ใช่ความคิดของเรา ไม่ใช่ความเพ้อเจ้อ ด้วยความเพ้อเจ้อของเรา พระพุทธศาสนาเวลาสอน เวลาสอนนะ อนุปุพพิกถา เวลาประชาชนทั่วไปสอนให้รู้จักเสียสละทาน คำว่า “รู้จักเสียสละทาน” เพราะศาสนา ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วมันลึกซึ้งจนจะสอนใครได้หนอๆ

 

คำว่า “สอนไม่ได้” คนที่มีปัญญามากขนาดไหนก็จะสอนไม่ได้ แล้วประชาชนทั่วไปจะเอาปัญญามาจากไหน ถ้าเอาปัญญามาจากไหนไม่ได้ พระพุทธศาสนาสอนให้ทำบุญได้บุญ คนทำบุญ คนบ้านนอกคอกนาเราจะทำบุญกุศลเพราะอะไร เพราะเดี๋ยวชาติหน้าเกิดมาแล้วจะไม่มีข้าวกิน จะทำบุญกุศลขึ้นมาเพื่อให้พ้นจากนรก เวลาพูดถึงนี่เป็นอามิสทาน มันเป็นผลของวัฏฏะๆ มันเป็นเรื่องความจริงไง

 

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนทำคุณงามความดีขึ้นมาแล้วต้องได้รับผลดีตอบแทน คนทำคุณงามความดี แต่คนที่ปัญญาน้อย เวลาทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีแล้วจะให้ผลตอบแทนในปัจจุบันนี้

 

เวลาในปัจจุบันนี้พวกที่ปัญญาชนเขาบอก เวลาทำบุญๆ ก็ติดสินบน ติดสินบนนะ ทำบาทหนึ่งจะได้ห้าบาท ซื้อหวยใบหนึ่งต้องถูกรางวัลที่หนึ่ง เขาบอกเป็นการติดสินบนๆ ไปหมดเลย

 

แต่ถ้าคนที่เป็นธรรมๆ นะ สิ่งที่เป็นธรรมเขาทำบุญทิ้งเหว คนที่มีอำนาจวาสนา จิตใจเขาเป็นธรรมนะ เขาเจอพระ เขาได้เห็นสมณะ เขามีความภูมิใจของเขา เขาหาข้าวปลาอาหารของเขาใส่บาตรพระองค์นั้นไป เวลาเขาใส่บาตรพระองค์นั้นไปแล้วเขาก็มีความภูมิใจในใจของเขาว่าเขาได้ทำบุญกุศลของเขา ได้บุญกุศลของเขาเพราะจิตใจเขาสูงส่ง จิตใจเขามีคุณธรรมในใจของเขา เขาทำสิ่งใดมันก็เป็นบุญกุศลในหัวใจของเขา เขาทำบุญทิ้งเหว เขาไม่ใช่ซื้อหวยใบหนึ่งต้องถูกรางวัลที่หนึ่ง ถ้าทำบุญแล้วพระต้องชมว่าฉันเป็นคนดี เวลาพระต้องชมนะ คนคนนี้เคยทำบุญของฉัน คนคนนี้เป็นคนดีมาก ต้องเขียนป้ายประกาศไว้หน้าบ้านเขาเลยว่าคนคนนี้เป็นคนดี นี่ถ้าเขาหวังผลอย่างนั้น

 

เวลาเขาทำดีแล้วไม่ได้ดี ไม่ได้ดีเพราะเขาไม่ได้สมความปรารถนาของเขา ถ้าเวลาเขาสมความปรารถนาของเขา เขาทำคุณงามความดีของเขาแล้ว หัวใจของเขาชื่นบาน หัวใจนี้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

พระสงฆ์ เวลาศากยบุตรพุทธชิโนรส เราเป็นอุบาสก เราได้ใส่บาตรเพื่อจรรโลงศาสนา เราทำแล้ว ทำเพราะเชื่อฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากธรรมไว้กับบริษัท ๔ เป็นมรดกตกทอดมาถึงเรา เราก็ได้ช่วยกันเจือจาน ช่วยกันค้ำจุน ช่วยกันกระทำ มันภูมิใจๆ ถ้าใจคนที่เป็นธรรมๆ เขาทำบุญกุศลแบบทิ้งเหว ทิ้งเหวคือไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาได้ผลตอบแทนมหาศาลจากใจของเขา จากคุณธรรมในใจของเขา

 

ไอ้พวกเราคนทุกข์คนจน ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว ทำบุญแล้วไม่ได้บุญ ทำแล้วไม่ได้ มันซื้อหวยแล้วมันหวังถูกรางวัลที่หนึ่ง หมดตัวก็ไม่ถูก หมดตัวก็ไม่ถูก

 

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอน สอนเพราะอะไร นี่ไง เวลาพันธุกรรมของจิตๆ จิตของคนเกิดมาแตกต่างหลากหลายกัน จิตของคนเกิดมาด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำหัวใจอันนั้น ถ้ากิเลสตัณหาครอบหัวใจอันนั้น กิเลสมันก็คิดแต่ว่าของกูๆๆ เวลากิเลสมันพูดไง แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นของกูๆ เลย กิเลสเป็นของกูเพราะอะไร เพราะมันทุกข์มันยาก คนมันทุกข์มันยากมันก็เห็นเฉพาะหน้า เห็นเฉพาะที่เราอาบเหงื่อต่างน้ำที่ทุกข์ยากนี้เท่านั้น เราไม่เห็นที่มาที่ไปว่าทำไมมันทุกข์ยากอย่างนี้ ทำไมมันมีความกดดันหัวใจอย่างนี้ นี่ถ้ามีความกดดันในหัวใจ

 

เวลาเกิดมา เกิดมามืดไปสว่าง เวลาเกิดมา เกิดมาทุกข์จนเข็ญใจ ทุคตะเข็ญใจเวลาไปบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เป็นพระอรหันต์ เวลาคนเกิดมาเป็นลูกเศรษฐีมหาเศรษฐี ทรัพย์สมบัติมหาศาล มันเที่ยวเล่นการพนัน เที่ยวกลางคืนจนหมดเนื้อหมดตัว นี่เกิดมาสว่างแล้วไปมืด แล้วเกิดมามืดไปสว่าง สิ่งต่างๆ กรรมเก่า กรรมใหม่

 

กรรมเก่า กรรมใหม่ พอเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย คำว่า “อสงไขยๆ” ทำมาจนนับถ้วนไม่ได้ พันธุกรรมของจิตๆ ดูสิ จิตของคนเกิดแล้วเกิดเล่าเป็น ๔ อสงไขย เขาจะสร้างคุณงามความดีของเขา เขาพัฒนาของเขา เห็นไหม

 

ในทางจิตวิทยา เธออย่าย้ำคิดย้ำทำ ถ้าย้ำคิดย้ำทำจะเป็นจริตจะเป็นนิสัยของเธอ แล้วนี่เกิดทุกภพทุกชาติๆ ทำแต่คุณงามความดี มีแต่เสียสละ ทำคุณงามความดี เวลาจริตนิสัยมัน ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย มันสมบูรณ์ของมันในหัวใจ ถ้ามันสมบูรณ์ในหัวใจ จะชักนำไปทางไหนมันก็คิดแต่ทางดี จะชักนำไปทางไหน บุญกุศลมันก็ส่งเสริม

 

ดูสิ ไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เขาก็เห็นกันทุกวันนะ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาไปเห็นเข้า เออ! มันมีตรงข้ามที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มีคนคิดอย่างนี้ แล้วไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายหาที่ไหนล่ะ

 

ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ประสาเรานะ หายาอายุวัฒนะ เออ! หาไว้มันจะไม่ตาย แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่พูดอย่างนั้น เวลาท่านขวนขวายของท่าน ท่านกระทำของท่าน เวลาสิ้นกิเลสไป เวลาสิ้นกิเลสไปนะ ไม่มีเกิดอีกแล้ว แล้วก็ไม่มีวันตายอีกแล้ว แต่วัตถุธาตุ เรื่องทรัพยากร เรื่องร่างกายนี้มันต้องเสื่อมสลายเป็นธรรมดา เรื่องของโลกๆ ไม่มีสิ่งใดคงที่ เป็นไปไม่ได้

 

ต่เวลาพ้นจากกิเลสไป นั่นน่ะของแท้ เวลาของแท้ขึ้นมา มันเป็นหลักชัยในพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัยของเรา แก้วสารพัดนึกของเรา นี่ถึงวางศาสนาไว้ ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์

 

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงชีวิตของเรา สอนถึงความเป็นจริงของเรา เราจะทุกข์เราจะยากจนเข็ญใจขนาดไหน ถ้าจิตใจที่เป็นธรรมนะ มันยิ้มแย้มแจ่มใส หัวใจนะ ของเล็กน้อยๆ ของนะ ดูสิ ปัญหาที่มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่คนมีสติมีปัญญาตั้งใจจะแก้ไขมันนะ ของปัญหานั้นจะเล็กน้อยทันที

 

ของในบ้านเรา ของปัญหาที่เล็กน้อยมาก ไม่มีอะไรเลย มันยุมันแยง มันทะเลาะเบาะแว้งกันจนเกิดปัญหาได้ทั้งนั้นน่ะ นี่ไง ถ้าจิตใจของคนมันอ่อนแอ มีอะไรมันก็ล้มลุกคลุกคลาน มีอะไรมันก็รับสิ่งใดไม่ได้เลย

 

นี่ไง พระพุทธศาสนาเราถึงสอนนะ สอนให้มีสติให้มีปัญญา ให้มาฝึกฝน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน “ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด”

 

ด้วยความประมาท ความเลินเล่อ ความขาดสติ นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากไว้เป็นคำสุดท้ายเลย แล้วชีวิตเราล่ะ ความคิดเราล่ะ ความเป็นจริงของเราล่ะ

 

เวลาเมื่อวานวันเข้าพรรษา พอเข้าพรรษามาแล้ว พระถือธุดงควัตร พอถือธุดงควัตร เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา นี่เงินหายหรือ เศษเหรียญตกใช่ไหม เห็นเดินก้มหาตลอดเลย มันคิดไปนู่น แต่มันไม่ได้คิดหรอกว่าเขากำลังค้นคว้าหาหัวใจของเขา การที่ค้นคว้าหาหัวใจของเขานี่นะ เขาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาด้วยสติด้วยปัญญาของเขา เขาจะย้อนเข้ามาในใจของเขา ถ้าเขาย้อนเข้ามาในใจของเขา เขาฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมา จิตใจของคนที่มันเข้มแข็งที่มันมีวุฒิภาวะขึ้นมามันจะละเอียดลึกซึ้งเข้าไปไง

 

นี่ระดับของโลกๆ ระดับของทาน เรื่องของทานเป็นวัฒนธรรม วัฒนธรรมเพื่อความสงบร่มเย็นในสังคม อย่าเบียดเบียนกัน อย่าเอารัดเอาเปรียบกัน อย่าทำร้ายกัน เห็นคนที่อ่อนแอกว่า เราควรอุ้มชูเขา สิ่งต่างๆ พวกนี้เราสร้างของเราๆ

 

เราทำไม่ได้ ทำไม่ได้เพราะกลัวคู่แข่งขัน...เขาจะมาแข่งอะไรกับเรา เราอุ้มชูเขาอยู่นี่ แล้วถ้าคนมันคิดได้ คนคิดได้นะ เราเคยตกทุกข์ได้ยาก เราเคยขาดแคลน มีคนเคยอุ้มชูเราๆ เห็นไหม มันมีมากมายเลยนะ เราดูข่าว ในญี่ปุ่นเวลามีภัยพิบัติ เขาไปช่วยเลย แล้วเขาไปสัมภาษณ์ ทำไมถึงไปช่วยเขาล่ะ

 

ผมเคยเจอภัยพิบัติ แล้วใครก็ไม่รู้มาช่วยเหลือผม มันฝังใจผมมาก คราวนี้ก็เกิดภัยพิบัติ ผมต้องรีบๆ มาช่วยเลย ผมต้องรีบๆ มาช่วยเลย เพราะขณะที่ผมเกิดภัยพิบัติ ใครก็ไม่รู้ ใครก็ไม่รู้มาช่วยผมๆ นี่มันฝังใจถ้าคนคิดดี

 

แต่ถ้าคนเขาคิดร้าย ไม่มีภัยพิบัติมันก็ทำให้เกิดภัยพิบัติ เออ! กูอยากจะเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจ ทุกคนจะได้เห็นใจกู ทุกคนจะได้มาช่วยเหลือกู

 

คนคิดดีก็มี คนคิดชั่วก็เยอะ แต่ประสาเรา เราต้องมีสติปัญญา เราก็หวังแต่คนคิดดีใช่ไหม เราก็หวังแต่คนที่เขาคิดชั่วถ้าเขาคิดได้ เขาพลิกหัวใจของเขาได้ เขาเป็นคนคิดดีมา ให้เขาไปช่วยเหลือสังคมต่อไปภาคหน้า ไม่ต้องมาช่วยเรา ไม่ต้องมา เพราะอะไร คู่แข่งขันๆ ไง เพราะเราเป็นคนช่วยเขา เรามีกำลัง เราไม่ต้องไปกลัวคู่แข่งขัน เราช่วยเขา เราทำของเขา ถ้าจิตใจเขาดีงาม เขาจะไปพัฒนาต่อไปข้างหน้า เขาจะไปช่วยเหลือคนทุกข์คนจนข้างหน้าไป เขาจะไปช่วยคนข้างหน้าถ้าเขาคิดได้ ถ้าเขาคิดไม่ได้ก็กรรมของสัตว์ ทำบุญทิ้งเหวๆ อย่าไปเก็บมาเป็นเครื่องถ่วงกดใจของเรา ถ้าเก็บมาเป็นเครื่องถ่วงกดใจของเรา เราทำอะไรกันไม่ได้หรอก

 

เราจะทำอะไร โลกนี้เหรียญมีสองด้าน ไฟฟ้ามีขั้วลบ ขั้วบวก คนเรามีคนดี คนเลว หัวใจของเราคนเดียว เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ถ้าเดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เราทำ เห็นเขาร้าย เราต้องทันเขา เราต้องทำความชั่วร้ายแข่งกับเขา เราก็เป็นคนชั่วร้ายไปกับเขา

 

เขาจะชั่วร้ายอย่างไรก็เรื่องของเขา คนทำคุณงามความดีมีอยู่ เราจะสร้างคุณงามความดีขึ้นไปเพื่อหัวใจของเรา ทำเพื่อหัวใจเรา แต่ถ้ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเรา เราทำขนาดไหนแล้วมันไม่มีผลมาถึงตอบสนองมาเป็นคนดีของสังคม ไอ้นั่นก็กรรมของสัตว์ๆ เราก็ทำของเราไป เพราะคนดี คนดีกับคนชั่วอยู่ด้วยกัน คนดีน้อยกว่าคนชั่ว แต่เราพยายามทำของเรา ทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา เพื่อบุญกุศลของเรา

 

คนที่ยื่นให้ คนที่มีโอกาสยื่นให้มันมีความภูมิใจมากกว่าคนรับ ถ้าเรายังมีโอกาสยื่นให้ เรายังทำได้ เราจะทำของเราตลอดไป ไอ้นี่มันแค่วัตถุนะ เวลาจริงๆ ค้นหาใจของตนๆ พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ พระพุทธศาสนา เรื่องของทานมันระดับพื้นฐานของเจดีย์ ฐานของเจดีย์มันกว้างขวางมาก พอขึ้นมาเจดีย์ หดสั้นเข้ามา พอมาถึงตัวของเจดีย์ก็เล็กขึ้นไป ยอดเจดีย์เหลือนิดหนึ่ง

 

เวลาพระบวชใหม่ๆ พระ ๓ แสนองค์ ๓ แสนองค์ที่ว่าในประเทศไทย เวลาเขาส่งบัญชีกลางปี ๕ พรรษาเหลือเท่าไร ๑๐ พรรษาเหลือเท่าไร ๒๐ พรรษาเหลือเท่าไร นี่แค่พรรษานะ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการภาวนาเลย

 

แล้วเรื่องการภาวนา พระด้วยกัน “อู๋ย! รีบเร่งภาวนาเดี๋ยวจะไปนิพพาน” หลวงตาท่านบอกว่าไอ้พวกหมาบ้า พวกหมาบ้ามันมากัดธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกหมาบ้า คนเราเวลามันพูด มันเสียดสี มันแดกดัน เอาธรรมะไปพูดเล่น พูดเหยียบย่ำ

 

หลวงปู่มั่นนะ เวลาแค่ตัวหนังสือท่านยังไม่นั่งเสมอเลย ท่านบอกตัวหนังสือตัวอักษรมันสามารถสื่อธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แม้แค่สื่อที่มันสื่อได้ท่านยังเคารพ แล้วถ้ามันเป็นสัจจะความจริง ทำไมท่านไม่เคารพ

 

แต่ด้วยความกิเลสหนาปัญญาหยาบ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็เอามาเที่ยวพูดเสียดสี พูดทิ่มแทงกัน แล้วเอ็งบวชมาทำไม แล้วเอ็งทำเพื่ออะไร นี่ไง นี่ยังไม่ได้ปฏิบัตินะ

 

แล้วเวลาปฏิบัติขึ้นมา เวลาปฏิบัติขึ้นมา ทุกคนอยากสุขอยากสบาย เห็นไหม เวลาธุดงควัตร ธุดงควัตรเพราะอะไร ธุดงควัตร ครูบาอาจารย์ของเรา ธุดงควัตร ท่านไปหาที่อัตคัดขาดแคลนไง หาที่อัตคัดขาดแคลนเพื่ออะไร เพื่อเลี้ยงชีพชอบ เป็นอาหารชอบ อาหารชอบฉันเข้าไปแล้วมันไม่ง่วงเหงาหาวนอนไง

 

“เราเป็นนักปฏิบัตินะ เราบวชเป็นพระนะ เราจะภาวนานะ ไม่เห็นมีใครมาส่งเสริมเราเลย”

 

ขาหมูสามชั้นมาเลย กินเสร็จแล้วก็นอนเป็นหมูเลย โอ๋ย! ส่งเสริมกันเต็มที่เลย ให้มันเป็นหมูไปทั้งหมดเลย

 

นี่ไง อาหารเป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะที่ว่าฉันแล้วไม่ง่วงเหงาหาวนอน ฉันแล้ว ดูสิ ถ้ามันฉันแล้วง่วงเหงาหาวนอน ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนจะอิ่มให้ดื่มน้ำไปให้มันอิ่ม เพราะอะไร เพราะว่าสุขภาพกายๆ คนที่เขาพัฒนามาแล้ว คนที่ภาวนาแล้วมันเห็นไง ธาตุขันธ์ทับจิตๆ ไง

 

เวลาจิตที่มันอ่อนแออยู่แล้ว เวลาธาตุขันธ์ทับมัน ธาตุขันธ์มันก็เรื่องในบ้านของเรา ลูกหลานฉันเป็นคนดีหมดเลย ลูกหลานฉันไม่เคยไปรังแกใครทั้งสิ้นเลย มันไปตีหัวเขาวิ่งกลับมาบอกลูกหลานฉันเป็นคนดี ลูกหลานฉันเป็นคนดี เพราะอะไร เพราะคนในบ้าน คนในบ้านว่ามันดีหมดแหละ

 

นี่ก็เหมือนกัน ธาตุขันธ์ทับจิต ธาตุขันธ์ทับจิตเป็นเรื่องของเรานะ โอ๋ย! เราทำดี เราภาวนาดี เราทำมาทุกอย่างเลย เราทำทั้งนั้นเลย ทำไมมันภาวนาไม่ได้ๆ นี่เรื่องในบ้าน ลูกหลานในบ้านฉันเป็นคนดีหมดเลย ไม่มีคนเกเรสักคนหนึ่ง ฉันเลี้ยงดูมาดีเลย นี่ไง มันมองไม่เห็นหรอก มันไม่รู้หรอก

 

แต่ครูบาอาจารย์บอก ถ้าครูบาอาจารย์ที่ดีท่านพยายามให้ตั้งสติ เราอยู่กับหลวงตา เวลาพูดเรื่องนี้มันสะเทือนใจ เวลาของที่มีมากๆ ท่านจะพูดประจำ ท่านพูด เราอยู่กับท่าน ท่านพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ท่านจะบอกเลยนะ วันไหนถ้าอาหารมามาก ท่านจะเตือนสติลูกศิษย์อย่างไร ท่านจะบอกเลย สมัยเราอยู่กับครูบาอาจารย์นะ ไปบิณฑบาตมานะ ได้น้ำพริกเผามาถ้วยหนึ่ง แล้วพระ ๘ องค์มันตักไม่พอกัน ก็จะเอาพริกนี้ไปละลายใส่กะลา เอากะลามะพร้าวมา เอาน้ำพริกนั้นใส่แล้วเติมน้ำเยอะๆ เพราะให้มันตักได้ ๘ ช้อน เพราะพระมีอยู่ ๘ องค์หรือ ๑๐ องค์ ท่านจะพูดเรื่องอย่างนี้ประจำ พูดอย่างนี้เพื่ออะไร ติดอาวุธทางปัญญาให้กับลูกศิษย์ ติดอาวุธให้มัน

 

เวลาครูบาอาจารย์ท่านอัตคัดขาดแคลนอย่างนั้น เวลาได้พริกมาจะแบ่งกันมันยังไม่พอเลย พอไม่พอขึ้นมา เติมน้ำไปนะ ให้มันมากๆ แล้วคนๆๆ ตักได้แบ่งกันพอประมาณ

 

นี่ไง แล้วดูสิ เวลาครูบาอาจารย์เรามีชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เวลาธุดงค์มา อู้ฮู! คนละ ๕ ถาด ๑๐ ถาด อู๋ย! คนละล้นฟ้าเลย แล้วไอ้คนที่ปัญญาเบานะ โอ้โฮ! ฉันนี่พระสำคัญ ฉันนี้เป็นคนยอดเยี่ยม...ตายหมด

 

แต่ถ้าครูบาอาจารย์ท่านจะติดอาวุธทางปัญญา ถ้าติดอาวุธทางปัญญา การขบการฉันนี่เรื่องธรรมดา ร่างกายของคนเนาะ มันต้องการสารอาหารเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าต้องการสารอาหารเป็นเรื่องธรรมดา นี่มันเป็นเรื่องของร่างกายไง แล้วจิตใจของเราควรจะงอกงาม เจริญดีงามไปมากกว่านี้ไหม ถ้าจิตใจของเราควรจะเจริญงอกงามดีไปกว่านี้ มันต้องมีสติ แล้วฝึกหัดมีสติขึ้นมาแล้วมีสมาธิ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่าอย่าให้ประมาทไง อย่าประมาทในขณะจิต อย่าประมาทในการปฏิสังขาโย อย่าประมาทในการขบการฉัน อย่าประมาท เพราะสิ่งที่ประมาทตรงนี้ เดี๋ยวฉันเสร็จแล้ว พอเข้าทางจงกรมก็ไปนั่งเสียใจ

 

เราเคยเป็น บอกว่าจะผ่อนอาหาร แหม! มันฉันซะล้นคอเลย พอเข้าทางจงกรม ไหนว่ามึงจะผ่อนอาหารไง เพราะเข้าทางจงกรมแล้วมันจะง่วงแล้ว เออ! แต่ตอนกินมันอร่อย ตอนกินน่ะ เราเป็นมาทั้งนั้นน่ะ เราภาวนามาเราก็ผ่านตรงนี้มาทั้งนั้นน่ะ เวลาว่าจะผ่อนอาหารๆ ตั้งใจไว้เลยนะ เวลาเดินจงกรมมันง่วงเหงาหาวนอนนะ พรุ่งนี้จะผ่อนอาหารนะ พอบิณฑบาตมาแล้วมันเป็นสิทธิ์ใช่ไหม มันเป็นสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เราบิณฑบาตมาด้วยความถูกต้องดีงาม ถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย ตามศีลธรรมทุกอย่างพร้อมหมดเลย แต่นี่เป็นเรื่องโลกๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องธรรมนะ จะมีสติปัญญาหรือไม่ ฉันเสร็จแล้วเข้าทางจงกรม หลับอยู่กลางทางจงกรมเลย นั่งสมาธิ นั่ง มันหลับไปก่อนแล้ว แล้วนั่นคืออะไรน่ะ นี่พูดถึงเวลาพระเราประพฤติปฏิบัติมาเป็นอย่างนี้

 

เวลาเห็นบอกว่า พระขาดอะไร พระขาดอะไร จะอุ้มชูกันน่ะ

 

เวลาโยมมาวัด เอาหัวใจมาด้วย เวลาพระที่ประพฤติปฏิบัติต้องมีสติมีปัญญา มีสติปัญญาขึ้นมา ถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจ ถ้ามันมีสัจจะความจริงขึ้นมามันจะเป็นหลักเป็นชัยได้ นี่ร่มโพธิ์ร่มไทรไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้องค์เดียวเป็นครูสอน ๓ โลกธาตุ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนทั่วไปหมด

 

เวลาสอนไป ไม่ต้องไปสอนเขา เวลาหลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขา ชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณของท่านขจรขจายไปทั่ว คนที่ขจรขจายไปทั่ว เราอยากจะประพฤติปฏิบัติ เรามีที่พึ่งที่อาศัยบ้างหรือไม่ เรามีสิ่งใดที่จะอบอุ่นใจหรือไม่ จะปฏิบัติขึ้นไป ไม่ได้ๆๆ เดี๋ยวบ้าๆๆ เวลามันบ้าบอคอแตก บ้า มันไม่ว่าสักคำหนึ่ง จะทำความดีมีแต่ความเสียหายไปทั้งนั้นเลย เราพยายามฝืนทนของเรา เราจะทำของเรา

 

แล้วเวลามันเป็นจริงขึ้นมา อริยบุคคล เวลาเป็นอริยบุคคลมันเป็นที่ไหน ใจ ใจของเรา เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี เราอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไรวะ ไอ้วิมุตติสุขๆ มันจะเป็นอย่างไรวะ

 

เวลาจิตสงบมันก็รู้อยู่แล้วว่าจิตสงบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันไม่สงบ มันตกภวังค์ มันเพ้อเจ้อ ไอ้นั่นมันไม่เป็นความจริง คำว่า “ไม่เป็นความจริง” คือไม่มีรสชาติ ไม่มีความจริงคือไม่มีความมหัศจรรย์ ถ้ามันเป็นความจริงมันจะเกิดความมหัศจรรย์ในใจนี้ จิตนี้ผ่องใส

 

จิตยังไม่เคยเห็นเลย แล้วมันสว่างไสวอย่างไร มันผ่องใสอย่างไร แล้วถ้ามันจิตมันยกขึ้นสู่วิปัสสนามันทำอย่างไร แล้วถ้าทำจนเป็นอริยบุคคล คำว่า “อริยบุคคล” โดยธรรมชาติของจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไม่มีต้นไม่มีปลาย พระโสดาบันเกิดอีก ๗ ชาติอย่างมาก เกิดอีก ๗ ชาติ คำว่า “เกิดอีก ๗ ชาติ” คือว่าเรามีเป้าหมายอีก ๗ ชาติ

 

ไอ้พวกคนอื่นๆ ไม่มีเป้าหมาย มันต้องหมุนไปตลอดไม่มีวันจบวันสิ้น กับหมุนไปอีก ๗ ที ต่างกันไหม ไม่รู้ได้อย่างไร ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่พระโสดาบัน เออ! ถ้าพระโสดาบันมันต้องรู้ มันต้องรู้ผลของวัฏฏะ เพราะจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วมันมีขอบเขตของมัน มันถึงวาระของมัน แล้วถ้ามันสิ้นสุดแห่งทุกข์ มันไม่เกิดอีกแล้ว เป็นอย่างไร

 

นี่ไง ที่บอกว่าไหนว่าวิมุตติสุขๆ มันเป็นอย่างไรไง ถ้ามันเป็นอย่างไร คนนั้นต้องรู้ คนนั้นต้องเป็น แล้วมันเกิดมหัศจรรย์มาก ความมหัศจรรย์นั้นมันต้องมีเนื้อหาสาระ มันต้องมีข้อเท็จจริง พระพุทธศาสนาของเรามีมรรคมีผล ไม่ใช่ว่างเปล่า ไม่มีเนื้อหาสาระ ขี้โม้ โม้จนเขาทิ่มเขาแทง เขาเย้ยหยันเหยียดหยัน เพราะด้วยความเพ้อเจ้อ ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์

 

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดไว้เอง ไม่มีกำมือในเรา ไม่มีขอบเขต ไม่มีการปิดบัง เปิดเผยแจ่มแจ้ง แต่เราทำกันไม่ได้

 

เวลาอยากร่ำอยากรวย เที่ยวไปขโมยลิขสิทธิ์ปัญญา ไปขโมยเขา เวลาธรรมของพระพุทธเจ้าให้ทำหรือไม่ทำ แล้วทำไม่ได้ผลด้วย นี้มันเป็นเพราะว่ามันจะเข้าพรรษา เข้าพรรษาแล้วมาวัดมาวานะ เวลาเขาถาม หลวงพ่อขาดอะไร

 

ขาดหัวใจของพวกมึง เอาหัวใจพวกมึงมาปฏิบัติด้วย แล้วเวลาถ้าพระถือธุดงค์แล้ว พระจะประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง จะเอาจริงเอาจังขึ้นมา ให้ศาสนามันแวววาว มีสัจธรรม ให้พระพุทธศาสนาเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใส ให้พระพุทธศาสนาเป็นที่ชื่นใจของเราชาวพุทธ เอวัง